วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ศาสตร์ของการยิ้ม

ศาสตร์ของการยิ้ม  นอกจากเพื่อสังคมแล้ว การยิ้มคือยาขนานหนึ่งที่จะบรรเทาปัญหาสุขภาพ มายิ้มกันเถอะ…….

1. ยิ้มจริงใจ คือ ยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกที่ดีงาม ยิ้มจริงใจเป็นการแสดงความรู้สึกทางด้านบวกอย่างแท้จริงจะปรากฎขึ้น หลังจากได้รับรู้สภาวะของอารมณ์ซึ่งรวมทั้งความยินดีจากสิ่งกระตุ้น ทางตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัส อย่างรักใคร่ก็สามารถเรียกรอยยิ้ม อย่างจริงใจออกมาได้ รอยยิ้มอย่างจริงใจนี้สามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อหายจากเจ็บปวดจากแรงกดดันที่อึดอัดได้เหมือนกัน ยิ้มอย่างจริงใจนี้ นอกจากจะใช้กล้ามเนื้อยิ้มตามปกติคือ กล้ามเนื้อขากรรไกรแล้ว ยังใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตาอีกด้วย ผลของการยิ้มจริงใจทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน "ความสุข" (เอนเดอร์ฟิน) ออกมา ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปออกฤทธิ์ทำให้ม่านตาขยายตัว และตามีประกายของความสุขที่เราเรียกว่า "ตายิ้ม" ซึ่งตานี้เองจะแสดงออกถึงความรัก ความเป็นมิตรและความอบอุ่น 

2. ยิ้มเสแสร้ง ก็คือรอยยิ้มที่ประดิษฐ์ขึ้น โดยเจตนาจะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดทำให้ผู้อื่นคิดว่า เรารู้สึกว่าอย่างนั้นจริงๆ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ ยิ้มเสแสร้ง คือ การเจตนาที่จะพยายามกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกในด้านดี ยิ้มเสแสร้งจะปรากฏบนใบหน้านานกว่ายิ้มจริงใจ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคจิตหลายคนเห็นว่า การหัวเราะเป็นตัวการที่จะปลดปล่อยความตึงเครียด หรือความตื่นเต้นที่มีมากจนเกินไป การหัวเราะช่วยปรับความสมดุล ให้อยู่ในสภาวะปกติ แม้ว่าจริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ตลกเลยก็ตาม เหตุผลที่เราชอบหัวเราะอีกอย่างหนึ่งก็เพราะ เวลาหัวเราะเราต้องยิ้มก่อนและใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ย่อมน่าดูกว่าใบหน้าบึ้งตึงดุร้าย การหัวเราะจึงเป็นอีกขั้นหนึ่ง ของการยิ้มนั่นเอง คุณสามารถยิ้มไปโดยไม่ต้องหัวเราะ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะหัวเราะโดยไม่ยิ้ม คนที่สามารถยิ้มและหัวเราะอย่างจริงใจก็เหมือนกับกำลังพูดว่า "ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรนะ ฉันเป็นมิตรนะ ฉันอยู่ข้างเธอนะ" คนที่สามารถยิ้มและหัวเราะในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายจริงๆ นั้นก็คือ คนที่เป็นอัจฉริยะโดยแท้ เพราะเท่ากับเขากำลังพูดว่า "ฉันไม่กลัวหรอก" 

3. ยิ้มเศร้า มนุษย์เราเป็นทุกข์เพราะเราทำตัวเองเป็นทุกข์ และเรายังทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์อีกด้วย คนที่หัวเราะมากๆจะมีชีวิตยืนนาน คนที่มีความสุขจะมีอายุยืนกว่าคนที่อมทุกข์ การที่จะให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ จำเป็นจะต้องมีการแบ่งปัน คนที่รู้จักหัวเราะ ก็คือ คนที่รู้จักแบ่งปันนั่นเอง
***************************************************************************
ดร.อาหาร ดร.เงียบ และ ดร.รื่นเริง" เป็นผู้เชี่ยวชาญยารักษาที่ดีที่สุดในโลก การรักษาเยียวยานั้น ต้องมาจากภายในและเรานั่นเองและที่จะมีอำนาจรักษาตัวเองได้ การหัวเราะมักจะเกิดพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ไปในทางที่ดีที่ใครๆ ก็เห็นได้ชัด เช่น นัยน์ตาเป็นประกาย บุคลิกสดใส การร้องไห้จึงนับว่าเป็นการบำบัดอย่างหนึ่ง ช่วยลบล้างความทุกข์หรือเกิดจากทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ จะมีส่วนผสมทางเคมีแตกต่างจากน้ำตาที่เกิดจากผงเข้าตา น้ำตาที่เกิดจากอารมณ์ภายในจะมีสารช่วยลดความเจ็บปวดอยู่ด้วย ซึ่งจะผลิตออกมาในปริมาณมากเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้เราเอาชนะความเจ็บปวดและความโศกเศร้าได้ คนที่พยายามยิ้มและหัวเราะอยู่เสมอ แม้จะรู้สึกเป็นทุกข์อยู่ภายใน ก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์เป็นไปในทางดีได้ จะมีความสุขขึ้นทั้งสมองและจิตใจ 
ใครดำเนินชีวิตอย่างหวาดกลัวตลอดเวลา มักจะป่วยบ่อยๆ ความกลัวสามารถทำให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายจับแข็งจนเลือด และฮอร์โมนกับสิ่งบำรุงร่างกายไปเลี้ยงไม่ถึง การหัวเราะ จะช่วยให้มันละลายแล้วเริ่มทำงานตามปกติต่อไป คนที่เป็นทุกข์เนื่องจากมีความกลัวอยู่ตลอดเวลา ร่างกายจะผลิตสารอะดรีนาลินออกมามากเกินไป และไหลเวียนไปทั่งร่างกายตลอดเวลาทำให้ล้มเจ็บได้ ความกลัวสามารถลดได้ด้วยการเผชิญหน้ากับสาเหตุนั้นๆ และการหัวเราะก็เป็นวิธีเผิชญหน้ากับความกลัวที่ดีที่สุด เป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพที่สุด ถ้าเราเรียนรู้ที่จะหัวเราะให้มากขึ้น ในไม่ช้าความกลัวก็จะค่อยๆ หมดไป
วิธีดูว่ายิ้มอย่างไหนจึงจะเหมาะสำหรับคุณก็คือ ลองยืนหน้ากระจกเงา แล้วแสดงสีหน้าแบบต่างๆ ทั้งยิ้มและบึ้ง สังเกตว่า สีหน้าแบบไหนที่ทำให้คุณดูอ่อนวัยลง มีชีวิตชีวา มีเสน่ห์ขึ้น แต่ละคนจะมีรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองแตกต่างกันออกไป
รอยยิ้มที่ค้างอยู่บนใบหน้านานเกินไป จะดูเหมือนกับหุ่นยนต์ หรือยิ้มเสแสร้ง คุณควรจะมีรอยยิ้มที่จริงใจจะดีกว่า เพราะถ้ายิ้มเสแสร้งของคุณเด่นชัดเกินไป ผู้คนก็จะไม่เชื่อถือ
บางครั้งคนอื่นจะตัดสินเราที่เสียงมากกว่ารูปร่างหน้าตา ดังนั้นเราควรจะพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเวลาตอบโทรศัพท์ คนที่อยู่ปลายสายอีกข้างหนึ่ง ไม่เห็นรอยยิ้มกับประกายตา อันแวววาวของคุณหรอก แต่คุณต้องใส่มันลงไปในน้ำเสียง มาพูดโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มกันดีกว่า
วิธีมีรอยยิ้มอันสดใส ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก เพียงแต่หัดยิ้มให้บ่อยๆ เท่านั้นแหละ ยิ่งคุณยิ้มมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น แต่รางวัลพิเศษแท้จริงก็คือ คุณจะค่อยมีความสุขมากขึ้นควบคู่ไปด้วย รู้คุณค่าของการยิ้มและวิธีใช้มันให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง รอยยิ้มเปรียบเสมือนดวงประทีป


ข้อดีของการยิ้ม

♥ ข้อดีของการยิ้ม


๑.การยิ้มช่วยทำให้เรามีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้คนและทำให้ผู้คนอยากเข้าใกล้เสมอ การยิ้มทำให้เราดูดีและเป็นมิตรกับผู้คนรอข้าง
๒.การยิ้มทำให้อารมณ์ของเราดีขึ้นเสมอ
๓.การยิ้มทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดเปลี่ยนไปในทางดีขึ้น เหมือนเป็นการจุดไฟสว่างสร้างความอบอุ่นให้ผู้คนด้วยมิตรไมตรีอันดีงาม
๔. การยิ้มช่วยบรรเทาความเครียด ความเครียดมักจะแสดงออกมาทางใบหน้า และการยิ้มจะช่วยปกป้องเราจากการดูเศร้าหมอง เหนื่อยล้า เมื่อคุณเกิดความเครียด ให้ลองสร้างรอยยิ้มบนใบหน้า ความเครียดที่มีอยู่ย่อมลดลง และทำให้คุณสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
๕. การยิ้มช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน การยิ้มจะช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในตัวคุณทำงานดีขึ้น เมื่อคุณยิ้ม ระบบการทำงานก็จะพัฒนาดีขึ้น อาจเป็นเพราะว่าคุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น อีกทั้ง การยิ้มยังสามารถป้องกันการเกิดไข้และไข้หวัดได้อีกด้วย
๖.การยิ้มจะช่วยลดภาวะความดันโลหิตสูงได้ พิสูจน์ได้โดยให้คุณนั่งพักสักครู่ แล้วยิ้มหนังสือมาอ่านแบบอ่านไปยิ้มไปด้วย จากนั้นคุณลองไปวัดความดันโลหิตดู จะพบว่าความดันโลหิตสามารถลดลงได้
๗. การยิ้มจะช่วยหลั่งสารเอ็นโดรฟินซ์อันเป็นสารแห่งความสุและปิติ และเป็นสารแก้ปวดตามธรรมชาติ และสารซีโรโทนิน (สารทางประสาท) ออกมา จากการศึกษาค้นคว้าพบว่า รอยยิ้มจะช่วยหลั่งสารดังกล่าว อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกดี ดังนั้น การยิ้มก็ถือเป็นยารักษาโรคแบบธรรมชาติ
๘.การยิ้มจะทำให้ใบหน้าของคุณดูอ่อนเยาว์ลงทันที และยังช่วยให้คุณมีอารมณ์ดีเสมอ
๙.การยิ้มจะทำให้คุณดูประสบความสำเร็จ คนที่ชอบยิ้มจะมีความมั่นใจเสมอ เข้าใกล้ใครก็ทำให้บรรยากาศดีขึ้นได้ หากไปติดต่อใครคุณลองยิ้มดูจะพบว่าผู้คนจะเปลี่ยนไปในทางเป็นมิตรกับคุณขึ้น มาทันทีเลย
๑๐.การยิ้มย่อมทำให้ชีวิตของคุณเป็นบวกเสมอ การคิดแต่เรื่องเลวร้ายด้านลบ จะทำให้คุณรู้สึกแย่ ไร้ซึ่งความสุขหดหู่หม่นหมองเศร้า แต่ถ้าคุณเปลี่ยนมาเป็นการยิ้มและมองโลกด้านดีสวยงามเชิงบวก คุณจะพบแต่ความสุขขึ้นมาทันที


ความรู้สึกภายใน

รอยยิ้มบอกถึงความรู้สึกภายใน



คนเราจะดูความจริงใจหรือไม่จริงใจ ดูได้ไม่ยากครับ ให้สังเกตที่ รอยยิ้ม ก็จะรู้คำตอบ เพราะ รอยยิ้ม นั้นบ่งบอกถึงความรู้สึกภายในของคนๆนั้น รอยยิ้ม จะบอกว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจเช่นไร
คนที่มี รอยยิ้ม กว้าง จะเห็นได้ชัดๆ เลยว่า ส่งประกายรัศมีความสุขออกจาก รอยยิ้ม กว้างนี้แหละ สร้างความสุขสดชื่นให้กับโลกนี้ไว้ไม่ให้แห้งเฉาและสิ้นหวัง และด้วยความที่ พูดอย่างที่คิด และจริงใจตรงไปตรงมานี้เอง ทำให้คนที่ ยิ้ม กว้างนี้ มีแต่มิตรแท้ และไม่เคยเหงาเลย
คนที่มี รอยยิ้ม ปากปิด เป็นผู้ที่มีความพิถีพิถัน และมีความเป็นส่วนตัวสูง (ปรี๊ดเลย) เป็นคนที่ไม่ยอมเสี่ยงหาก ไม่ผ่านการตรวจสอบเสียก่อน และเป็นคนที่ไม่ค่อยจะวางใจอะไรใครง่ายๆ เสียด้วย อาจต้องใช้เวลาพอสมควร จึงจะยอมเปิดเผยความลับ หรือเรื่องราวของตัวเอง แหมลึกลับ จริงๆนะ สำหรับคนที่ ยิ้ม ปากปิด
คนที่มี รอยยิ้ม บาง แย้มปากแต่เล็กน้อย มีหลายๆ คนกล่าวไว้ว่า เป็นการ ยิ้ม ที่มีบุคลิกที่ดีที่สุด ถือเป็นการยิ้มของนักการฑูตโดยแท้ (นั่นแน่อนาคตไกลจริง คน ยิ้ม แบบนี้) แต่ก็แสดงถึงการต้องการความเป็นส่วนตัวนะ การยิ้มแบบนี้แสดงถึงว่าอย่ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉันนะ
คนที่มี รอยยิ้ม แบบมุมปากข้างเดียว สาวคนใดที่ยิ้มแบบนี้ รับรองชายๆ ติดตรึมต้องมนต์เสน่ห์แน่นอน เรียกได้ว่า ติดหนึบเป็นแม่เหล็ก ดูดเหล็กเชียวละ หนุ่มๆ จะหลงใหลในเสน่ห์อันลึกลับของ รอยยิ้ม ยั่ว แถมมีสิทธิ์บงการสั่งงานหนุ่มๆ ได้อีกด้วย (แต่ระวังน้า มายาหนุ่มหนึ่งร้อยเก้าเล่มเกวียน)

การยิ้มบอกอารมณ์และความรู้สึก

การยิ้มบอกอารมณ์และความรู้สึก

1. ยิ้มเย็น : ยิ้มแบบนี้จะเท่มากสำหรับพระเอก(555) บางทีจะเป็นการยิ้มอย่างใจเย็น, ยิ้มแบบคิดอะไรไว้ในใจ(อาจจะเป็นเรื่องน่ากลัวและคาดไม่ถึง), ยิ้มอย่างผู้ชนะ(ไม่ใช่การยิ้มเยาะนะคะ)
2. ยิ้มพราย : คิดอะไรไว้ในใจแหงมๆ เลย
3. ยิ้มเจ้าเล่ห์, ยิ้มอย่างมีเลศนัย : ตามชื่อเลยค่ะ กำลังคิดอะไรร้ายๆ แน่ๆ
4. ยิ้มยั่ว, ยิ้มเย้า, ยิ้มยั่วเย้า : คือการยั่วอย่างเห็นๆ อาจจะยั่วให้โมโห ยั่วให้หลุดปากพูดอะไรออกมา(ที่มันเป็นความลับ)
5. ยิ้มยั่วยวน : ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงค่ะที่ยิ้มอย่างนี้(ถ้าชายก็คงไม่ใช่ชายแท้นักหรอก) ยิ้มแบบนี้ถ้าใช้ในผู้หญิงสวยๆ ทรงโตๆ (เฮ้ย?) จะดูมีเสน่ห์มากขึ้นอีกเท่าตัวเลยค่ะ
6. ยิ้มยียวน : กวนประสาท...
7. ยิ้มเย้ย : คนยิ้มชนิดนี้จะเป็นคนที่กำลังได้เปรียบหรือเป็นต่อ(เช่น พระเอกถูกมัดมือมัดเท้า โดนอัดซะน่วมก็ยังจะยิ้มเย้ย เป็นทำนองว่า แค่นี้เองเหรอ จิ๊บๆ ว่ะ ...555)
8. ยิ้มเยาะ, ยิ้มหยัน, ยิ้มเยาะหยัน : ตามชื่อเลยค่ะ คือการเยาะเย้ย ถากถางกันเห็นๆ ยิ่งถ้าบรรยายว่าเหยียดยิ้มเยาะหยัน อะไรทำนองนี้ มันจะให้ความรู้สึกว่าเยาะเย้ยมากถึงมากที่สุดจนแทบจะทนไม่ได้!
9. แสยะยิ้ม : เป็นการยิ้มแบบราชสีห์จะตะครุบเหยื่อค่ะ ยิ้มแบบนักเลง ยิ้มอย่างผู้อยู่เหนือกว่าและกำลังอยู่ในโหมดโหด
10. ยิ้มเหี้ยม, ยิ้มเหี้ยมเกรียม : อันนี้ก็โหดค่ะ แต่โหดแบบวางแผนร้ายๆ เอาไว้แล้ว ...เหี้ยมโหด ว่างั้น 555
11. ฝืนยิ้ม ส่วนใหญ่ผู้ที่ยิ้มแบบนี้จะอยู่ในอารมณ์ที่ไม่เต็มใจจะยิ้ม อาจจะกำลังเศร้า โศก ทุกข์ เครียด กังวล ไม่สบายใจ หรือไม่อยากจะยิ้มเลยแม้แต่น้อย ก็เลยทำให้กลายเป็นรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาแบบเสียไม่ได้
12. ยิ้มเซียวๆ เหนื่อย หมดแรง ป่วย ใกล้ตาย(เฮ้ย?) อะไรทำนองนี้ค่ะ
13. ยิ้มบางๆ ยิ้มอย่างนี้มีหลายอารมณ์มาก บางคนยิ้มเพราะไม่รู้จะทำอะไรดี(นอกจากยิ้ม) ยิ้มแบบปนเอ็นดูเล็กน้อย อาจจะขำขันก็ได้
14. ยิ้มนิดๆ, ยิ้มน้อยๆ สำหรับคนยิ้มยากโดยเฉพาะ หรือคงจะสมเพชอะไรสักอย่าง(?) ไม่รู้จะพูดหรือตอบรับอะไรดีก็เลยยิ้มแทน(แต่เพราะไม่รู้จะยิ้มทำไม ผลก็คือกลายเป็นยิ้มนิดๆ เล็กน้อยต้อยตีวิด(?)) ส่วนยิ้มน้อยๆ จะคล้ายกัน(หรือเหมือนกันก็ได้) แต่สำหรับฌามส์ ฌามส์ว่ายิ้มน้อยๆ จะดูน่าเอ็นดูกว่าค่ะ
15. ยิ้มมุมปาก : (สำหรับพระเอกจะเท่มาก ยิ่งหัวเราะหึๆ ด้วยแล้ว จะโคตรเท่สุดๆ) ยิ้มแบบนี้กำลังคิดอะไรได้แน่ๆ หรือกำลังคิดอะไรอยู่ก็เป็นได้ (คิดอะไรอยู่กับคิดอะไรได้ มันต่างกันนะคะ อย่างงล่ะ =O=)
16. ยิ้มแยกเขี้ยว ยิ้มแบบพยายามระงับอารมณ์สุดๆ
17. ยิ้มหวาน : โลกกำลังสุนทรีย์ค่ะ สวยงาม อ่อนหวานและนุ่มนวล แต่...บางทีการยิ้มหวานก็เป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวที่สุดเลยนะคะ เคยได้ยินกันไหม...น้ำผึ้งอาบยาพิษ น่ะ ดังนั้น รอยยิ้มแบบนี้นอกจากจะแปลไปในทางบวกคืออ่อนหวานและนุ่มนวลแล้ว มันก็ยังเป็นยิ้มอันตรายที่ซ่อนอะไรๆ ไว้อย่างมิดชิดเลยล่ะค่ะ
18. อมยิ้ม : เป็นยิ้มแบบปากปิดสนิท รอยยิ้มนั้นจะบางๆ แต่ระบายเต็มริมฝีปาก บางทีแก้มทั้งสองข้างอาจจะป่องออกมาเล็กน้อย(ย้ำว่า เล็กน้อย)
19. ยิ้มๆ : ยิ้มไม่จริงจังนัก เรื่อยๆ ยิ้มแบบขำๆ หรือยิ้มอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวก็หุบ(?)
20. ยิ้มสดใส : กำลังสดใส ร่าเริง และมีความสุขสุดๆ (บางทีเวลายิ้มก็อาจจะมีออร่าสีเหลืองสดใสพวยพุ่งออกมา << เว่อร์ล่ะ 555)
 21. ยิ้มอ่อนโยน ตามตัวค่ะ อ่อนโยนและนุ่มนวล
22. ยิ้มระรื่น กำลังสุขใจ สนุกและบันเทิงใจมากๆ
23. ยิ้มแห้งๆ ยิ้มแบบไร้อารมณ์และรสชาติมาก ยิ้มแบบคนกำลังเสียเปรียบ ยิ้มแบบถูกจับได้ว่าทำอะไร(ผิด)
24. ยิ้มแหย, ยิ้มเหย, ยิ้มเหยเก : ยิ้มพร้อมทำหน้าเมื่อยและเพลีย คล้ายกับยิ้มแห้งๆ แต่ยิ้มแหยจะฉีกปาก(?)กว้างกว่าเล็กน้อย
25. ยิ้มฝืดๆ, ยิ้มฝืดเฝื่อน : นี่ก็ไร้อารมณ์มากกว่ายิ้มแห้งอีก ไม่มีอารมณ์จะยิ้มอย่างที่สุด ยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้(มากๆ) เป็นการฝืนยิ้มโคตรๆ
26. ยิ้มแปลกๆ : เดาอารมณ์ยากมาก อาจจะคิดอะไรอยู่ในใจ แล้วตัวเองก็สมเพช(?) ขำ หรือความรู้สึกอื่นๆ ต่อความคิดนั้น

- ลองดูกันน้ะ ว่าใครมีความรู้สึกอย่างใร อารมณ์แบบไหน ?? - และที่สำคัญเลยยย  #อย่าลืมยิ้มน้ะจ้ะะะ : )

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ยิ้ม ' :)

ทายนิสัยจากการยิ้ม




1. ยิ้มกว้างเปิดเผยการยิ้มที่สามารถมองเห็นฟันของคนยิ้มได้อย่างชัดเจน นิสัยใจคอของคนที่มีกิริยาอาการยิ้มแบบนี้ บ่งบอกถึง การเป็นคนกระตือรือร้นอยู่เสมอ ทั้งยังเป็นคนที่ชอบแสดงออกเอามากๆ หากได้รับการมอบหมายให้ทำการใดๆในกลุ่มคนจำนวนมาก ก็จะสามารถทำได้ดี โดยไม่มีอาการเก้อเขินหรือเอียงอายใดๆทั้งสิ้น และยังคบหากับคนทั่วไปได้โดยง่าย นอกจากนี้ ยังเป็นคนที่ชื่นชอบการแต่งตัวมาก มักเสียเงินไปกับเรื่องนี้ทีละมากๆ โดยไม่เสียดายเลย


2. ยิ้มเม้มปากการยิ้มลักษณะนี้ จะไม่เห็นฟันของคนยิ้ม มีเพียงรูปปากที่แย้มออกเท่านั้น ที่บอกว่าเขากำลังยิ้มอยู่ สำหรับอุปนิสัยของคนที่มีการยิ้มแบบนี้นั้น ออกจะเป็นคนที่มีการระมัดระวังตัวสูงอยู่สักหน่อย แถมยังมีโลกส่วนตัวมากๆอีกด้วย ชอบที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า จึงมีน้อยคนที่จะสามารถเข้าหา จนถึงขั้นสนิทสนมด้วยได้ นอกจากนี้ ยังมีความที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง รักสันโดษ ชอบใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ อย่างเช่น ชนบท มากกว่าในเมืองใหญ่

3. ยิ้มปุ๊บปั๊บ
คนที่มีลักษณะการยิ้มแบบเร็วๆ แล้วหุบยิ้มเสีย จะว่าไปก็คือ การยิ้มที่ไม่ได้ออกมาจากใจจริงซักเท่าไร แต่เป็นการยิ้มตามมารยาทมากกว่า ส่วนลักษณะนิสัยของคนที่มีการยิ้มเช่นนี้ บ่งบอกถึง การเป็นคนที่มีพลัง กระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลา และจะตื่นเต้นได้ง่ายกับสิ่งเร้าใจที่แปลกๆใหม่ๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะเป็นคนที่สับสนได้ง่ายกับสิ่งที่คลุมเครือ เพราะจะเป็นคนที่ค่อนข้างใจร้อน และชอบในความชัดเจนมากกว่ายิ้มยั่วยวน



4. ยิ้มยั่วยวนยิ้มแบบยั่วยวนนั้น ส่วนใหญ่มักจะเห็นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในนิตยสารแฟชั่นต่างๆ แต่รอยยิ้มของเหล่านางแบบนั้น อาจเสแสร้งทำขึ้นมา เพื่อความเหมาะสมกับท่าทางและเสื้อผ้า แต่ทว่าสำหรับคนที่มีรอยยิ้มเช่นนี้อย่างแท้จริงนั้น นิสัยมักจะเป็นคนที่ชอบจนถึงกับขั้นหลงไหลในเรื่องความรักเป็นพิเศษ และยังชอบเพ้อฝันกับเรื่องสวยๆงามๆ มากกว่าที่จะสนใจความเป็นจริงของชีวิต จึงมักมีความสามารถสูง ในเรื่องเกี่ยวกับความสวยงาม หรือ ศิลปะ

5. ยิ้มมุมปากลักษณะการยิ้ม ที่เป็นเพียงแค่กระตุกมุมปากเสียหน่อย เหมือนไม่ค่อยเต็มใจจะยิ้มสักเท่าไหร่นั้น บ่งบอกถึงอุปนิสัยที่เป็นคนค่อนข้างเข้าใจยากทีเดียว เพราะมักจะมีความซับซ้อนในตัวเองสูง อารมณ์แปรเปลี่ยนรวดเร็ว แต่ว่าก็จะเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้งคมคาย เพียงแต่อาจแปลกและแตกต่างจากคนทั่วไปมาก จนบางที คนอื่นถึงกับตามไม่ทัน นอกจากนี้ ยังมีความสามารถในการเป็นนักจิตวิทยา ที่พูดจาปลุกเร้าผู้คนจำนวนมากได้ไม่ยากเลย




6. ยิ้มตาหยีสำหรับคนที่เวลายิ้มแล้ว ตามักจะหยีหรือย่นนั้น บ่งบอกถึงนิสัยของการเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเอามากๆ เพราะถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างไร ก็จะสามารถหัวเราะได้อย่างน่าแปลกใจทีเดียว นอกจากนี้ ยังบ่งบอกถึง การเป็นบุคคลที่มีอารมณ์ขัน ชอบทำให้คนรอบข้างยิ้มแย้มอยู่เสมอ และยังเป็นคนที่สามารถนำประสบการณ์ของตน มาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณค่าแทบทุกเรื่อง เรียกว่า ไม่มีวันเสียหล่ะ ที่จะปล่อยให้ประสบการณ์ไร้ประโยชน์

7. ยิ้มเยือกเย็น
สำหรับบุคคลที่มีรอยยิ้มเยือกเย็นนี้ คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากหรอกนะ เพราะเพียงแค่ยิ้มออกไป คนที่มองรู้สึกได้ไม่ยาก ถึงความเย็นจากรอยยิ้มนั้น ส่วนอุปนิสัยของคนที่มีรอยยิ้มเช่นนี้ ก็มักจะเป็นคนที่มีบุคลิกน่าเชื่อถือ และไว้วางใจให้เห็นเป็นอันดับแรก แต่ลึกๆลงไปข้างใน จะเป็นคนที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว ทั้งยังเป็นคนที่ซื่อเอามากๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมซับซ้อนกับใครเขาเลย และมีความเป็นนักประนีประนอมสูงอีกด้วย




#ยิ้มกันเยอะๆน้ะครับ :) ยิ้มทำให้เราดูดีขึ้นทุกๆวัน 

วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประโยชน์ของการยิ้ม

...ประโยนช์ของการยิ้ม...


ข้อดีของการยิ้มที่มีผลต่อบุคคลิก

1. มีเสน่ห์
     หลายคนที่ไม่ได้หล่อไม่ได้สวย แต่ทุกครั้งที่ยิ้ม ก็เหมือนกับว่าโลกทั้งโลกสว่างไสวไปกับรอยยิ้มของเขา หลายคนไม่รู้ตัวหรอกว่า ตัวเองยิ้มสวยแค่ไหน ต้องลองยิ้มกับกระจกและสำรวจดูบ้าง



2. มีมิตรมากกว่าศัตรู
     รอยยิ้มที่จริงใจและถูกกาลเทศะ จะสร้างมิตรมากกว่าสร้างศัตรู ว่ากันว่า รอยยิ้มคือเครื่องมือกะเทาะกำแพงน้ำแข็ง หรือความเย็นชาแปลกหน้าที่ผู้คนมีต่อกันได้เป็นอย่างดี ใครจะรู้ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ส่งให้กันในวันนี้ อาจนำพาเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตมาให้เราก็ได้
3. มีความสดชื่น
     รอยยิ้มเป็นสัญลักษณ์ของอารมณ์ที่สดชื่น เหมือนกับความสดชื่นนั้นคือต้นไม้ และรอยยิ้มก็คือดอกไม้ อารมณ์และสภาพจิตของคนเรา ปลูกต้นอะไรไว้ก็ย่อมจะออกดอกเป็นสิ่งนั้น

4. มีกำลัง
     หลายคนบอกว่า เมื่อเผชิญกับปัญหา ความทุกข์ หรือความยากลำบาก ให้ยิ้มเข้าไว้ จะทำให้มีเรี่ยวแรงกำลังที่จะฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เพราะว่ารอยยิ้ม คือกำลังของชีวิตอย่างหนึ่ง

5. มีมุมมองที่ดี
     คนที่มีอุปนิสัยยิ้มแย้ม จะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี แม้ในเวลาที่มีปัญหา ก็จะยิ้มสู้ และพลิกปัญหาหรืออุปสรรคเหล่านั้นให้กลายเป็นโอกาสขึ้นมาได้


#การยิ้มทำให้เรามีความสุข ฝึกยิ้มกันบ่อยๆน่ะครับ#